หลายๆ คนคนคงโตมากับการดูหนังประวัติศาสตร์ไทยหรือหนังอิงประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าจะเป็นตำนานสมเด็จพระนเรศวรที่มีถึง 6 ภาค สมเด็จกระเจ้าตากสิน หรือวีรสตรีหญิงท้าวสุรนารี แต่วันนี้เราจะพาทุกคนเปิดประสบการณ์ใหม่นอกจากหนังประวัติศาสตร์ไทยมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติอื่น ผ่านสุดยอดภาพยนตร์ที่เรารวบรวมมาทั้งหนังประวัติศาสตร์เกาหลี หนังประวัติศาสตร์ยุโรป ใครที่คิดว่ามีเพียงแค่หนังประวัติศาสตร์ไทย น่าดูละก็คุณคิดผิด เพราะ 10 ภาพยนตร์ที่เรานำมารีวิวให้ทุกคนดูในวันนี้มีดีไม่แพ้หนังประวัติศาสตร์ไทยเต็มเรื่องแน่นอน ถ้าอยากรู้แล้วว่าภาพยนตร์ของเรามีอะไรกันบ้าง ไปเช็คลิสพร้อมกันได้ใน 10 สุดยอดหนังเชิงประวัติศาสตร์ 2019-2020 ได้จากด้านล่างนี้เลย
เป็นภาพยนตร์กึ่งหนังประวัติศาสตร์จีนกึ่งหนังประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในเรื่องจะเล่าถึงช่วงประวัติศาสตร์จริงสมัยสงครามญี่ปุ่น-จีน ครั้งที่ 2 ในสมรภูมิเซี่ยงไฮ้ โดยหน่วยทหารพลีชีพพิเศษของจีนมีหน้าที่ปกป้องคลังสินค้าซื่อหังจากการบุกของญี่ปุ่น ถือว่าหนังจับช่วงเวลาประวัติศาสตร์มาเล่าได้สนุก เนื้อเรื่องเข้มข้นดำเนินไว ฉากและโปรดักชั่นสมจริงไม่จกตา ใครชอบหนังประวัติศาสตร์จีน พากย์ไทยไม่ควรพลาด
ภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์จริงในอัฟกานิสถาน เรื่องราวของอดัมทหารหนุ่มไร้เดียงสาที่เขาได้มาอยู่ใต้ผู้บังคับบัญชาอย่าง ดิกก์ หัวหน้าหน่วยสุดอ่อนโยน แต่แล้ววันหนึ่งอดัมก็ได้ค้นพบอีกหนึ่งตัวตนของดิกก์ ความศรัทธาของเขาจึงเปลี่ยนไป ถือว่าพล็อตเรื่องมีความน่าสนใจทีเดียวสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ การแสดงดูกลมกลืนและธรรมชาติ เล่าเรื่องได้สนุกน่าติดตาม
สำหรับภาพยนตร์อิงวรรณกรรมประวัติศาสตร์ของวิลเลียม เช็กสเปียร์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของพระเจ้าเฮนเดอร์รี่ที่ 5 ผู้ซึ่งไม่ปรารถนาจะครองราชย์สมบัติ แต่แล้วเขาก็ไม่อาจหนีชะตากษัตริย์ได้พ้น ถือว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีเลยก็ว่าได้ โปรดักชั่นยิ่งใหญ่สมการรอคอย พล็อตและการเล่าเรื่องมีมิติ ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมามีกลิ่นอายของเช็กเปียร์ชัดเจน
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อทหารอากาศของอังกฤษต้องทำสงครามกับกลุ่มนาซีโดยมีน่านฟ้าเป็นสมรภูมิรบ แต่แล้วแผนการรบที่วางไว้อย่างดิบดีก็เกิดผิดแผน เมื่ออยู่ๆก็มีพายุเฮอริเคนโผล่เข้ามาแจมด้วย เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่มีโปรดักชั่นยอดเยี่ยมจนปรบมือให้ ฉากและเอฟเฟกที่ทำออกมาได้สมจริง ถือเป็นการดูหนังที่คุ้มค่าเวลา 3 ชั่วโมง
เมื่อภาพวาดสตรีชุดไหม้ไฟโผล่มาในคลาสเรียนพอตเทรตทำให้ เมอริยาน หวนนึกถึงความทรงจำในอดีตกับนางแบบสาวสวยที่เธอเคยวาดอย่าง เอลูอีส หญิงสาวสะโอดสะองผู้เป็นเจ้าของหัวใจทั้งดวงของเมอริยาน หนังอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดผ่านช่วงเวลายุคศตวรรษที่ 18 ได้อย่างงดงามเกินบรรยาย บทหนังถ่ายทอดออกมาอย่างมีศิลปะ นักแสดงสมควรได้รับรางวัล
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ชมภาพยนตร์ long take คุณภาพและภาพยนตร์ที่ไม่ย้อนอดีต แต่ 1917 รวมสองสิ่งนี้ไว้ด้วยกัน เรื่องราวเล่าถึงทหารอังกฤษผู้ต้องวิ่งผ่าสมรภูมิที่เต็มไปด้วยกระสุนและระเบิดเผื่อส่งข่าวสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ถือเป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นในเวทีออสการ์ปีนี้ด้วยงานโปรดักชั่นระดับเทพ การเล่าเรื่องที่กระชับและไม่น่าเบื่อ ภาพหนังออกมาอย่างมีมิติและแปลกใหม่ ใครที่ชอบดูหนังประวัติศาสตร์เชิงสงครามไม่ควรพลาด
ภาพยนตร์อิงเหตุการณ์จากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของกัปตันเออร์เนสต์ เคราส์ผู้ได้รับภารกิจให้บังคับบัญชาเรือรบพิฆาตสหรัฐฯ ไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามีบางสิ่งกำลังซุ่มโจมตีเพื่อขัดขวางภารกิจนี้ไม่ให้สำเร็จ แน่นอนว่าแค่เห็นรายชื่อนักแสดงนำก็ตัดสินใจดูไม่ยากสำหรับ ทอม แฮงค์ส ที่มารับบทนำในเรื่องนี้ ยังไม่รวมถึงเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้นน่าติดตาม มีฉากให้ลุ้นกันตลอดยิ่งช่วงท้ายๆ ใครที่ตัดสินใจอยู่อย่าลังเล
อีกหนึ่งหนังประวัติศาสตร์ น่าดูที่ไม่ควรพลาด เรื่องราวการต่อสู่อุดมการณ์นาซีและอดอร์ฟ ฮิตเลอร์ของชายผู้ถูกลืมอย่าง ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ ที่แม้ในตอนท้ายเขาจะรู้ว่าตัวเองต้องตาย แต่เขาก็ไม่ยอมก้มหัวให้อุดมการณ์ที่ไม่ชอบธรรม เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่เลือกถ่ายทอดเรื่องราวของชายผู้นี้ซึ่งไม่มีใครรู้จักมากนัก นอกจากนี้บทยังทำได้ดีโดยมีการสอดแทรกเรื่องราวโรแมนติกทำให้หนังไม่ทื่อจนเกินไป นับเป็นภาพยนตร์ชีประวัติอิงประวัติศาสตร์เรื่องเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่ง
2. Harriet Be Free or Die
เรื่องราวการต่อสู้ของทาสหญิงชาวอเมริกัน แฮเรียต ผู้กล้าหาญและเฉลียวฉลาด เธอได้หลบหนีจากการเป็นทาสและสามารถปลดปล่อยทาสคนอื่นได้รวมหนึ่งร้อยคนในเวลาต่อมา และนี่ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ ชื่นชมนักแสดงที่ถ่ายทอดบทบาทของแฮเรียตได้ออกมาดีจนเราเชื่อในตัวละคร หนังมีการลำดับเรื่องดีเป็นขั้นตอนดูง่าย มีฉากให้คิดค่อนข้างมาก แต่ออกมาสมกับบริบทของตัวภาพยนตร์
ภาพยนตร์ถ่ายทอดถึงยุทธการมิดเวย์ ยุทธการสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยจุดเด่นของยุทธการนี้คือการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายแบบ 360 องศาและจุดนี้เองที่ทำให้เกมสงครามเปลี่ยนในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ภาพยนตร์เล่าเรื่องสงครามได้สมจริงมาก มีเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ สอดแทรกอยู่ตลอด ฉากสงครามต่อสู่สนุกมากก นักแสดงคับจอแต่กลับสามารถเกลี่ยบทให้ทุกคนโดดเด่นได้ ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง